การเรียนการสอนตามสภาพจริง (Authentic instruction)
ความเป็นมา
การจัดการเรียนรู้ตามสภาพจริง
เป็นนวัตกรรมในการจัดการเรียนการสอนซึ่งในปี ค.ศ. 1990 นักการศึกษาในสหรัฐอเมริกาต่างตระหนักว่านวัตกรรมการเรียนการสอนที่ผ่านมาไม่สามารถพัฒนาคุณภาพของการเรียนการสอนหรือแม้แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนได้
จึงมีการปฏิรูปการเรียนการสอนในโรงเรียน
โดยมุ่งเป้าหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนตามสภาพจริง กล่าวคือ
เป็นผลสัมฤทธิ์ที่มีความหมายสำหรับผู้เรียน
โดยได้กำหนดข้อบ่งชี้ของผลสัมฤทธิ์ตามสภาพจริง คือ
ผู้เรียนเป็นผู้สร้างความรู้ที่มีความหมาย ผู้เรียนเป็นผู้ใช้วิธีการสืบสอบในเนื้อหาวิชา
เพื่อสร้างความหมายและผู้เรียนจะต้องมีเป้าหมายในการทำงานที่แสดงถึงสมรรถนะที่มีคุณค่าหรือมีความหมายที่บ่งบอกในความสำเร็จของการเรียน
( Newmann et al., 1995)
การเรียนการสอนตามสภาพจริง หรือการเรียนรู้แท้ ( authentic instruction) เป็นการเรียนที่ผู้เรียนจะเป็นผู้คิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมิน
ตัดสินใจได้เอง มีกระบวนการที่ใช้เป็นยุทธศาสตร์ในการคิดอย่างเป็นระบบ
ผู้เรียนเป็นผู้อธิบาย นำเสนอได้อย่างมีหลักวิชาการ ด้วยการเรียบเรียงด้วยตนเอง
อธิบายได้อย่างครอบคลุมและชัดเจน มีกระบวนการที่ดี มีความคิดรวบยอด
และหลักการของวิชาที่เรียนรู้ รวมทั้งผู้เรียนสามารถนำไปใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้
นำความรู้ต่างๆ ไปพัฒนาคุณภาพชีวิต คุณภาพงาน คุณภาพสังคม
สิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นปกติวิสัยจนเป็นหนึ่งเดียวกัน (โกวิท ประวาลพฤกษ์,2545:
31)
ทฤษฏีและแนวคิด
องค์ประกอบสำคัญของการเรียนการสอนตามสภาพจริง
Newman
et al. 1995 ได้ทำการวิจัยที่ศูนย์การวิจัยทางการศึกษาของมหาวิทยาลัยวิสคอนซินพบว่าผู้เรียนจะประสบความสำเร็จได้เมื่อใช้ความรู้ในการแก้ไขปัญหาและทดสอบสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องและได้สร้างมาตรฐานเพื่อใช้เป็นองค์ประกอบสำคัญในการออกแบบการเรียนการสอนดังนี้
1.ผู้เรียนได้คิดขั้นสูง (higher-order thinking) การเรียนการสอนตามสภาพจริง
จะต้องเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้จัดกระทำข้อมูลและใช้ความคิดในการสังเคราะห์
การสรุปนัยทั่วไป การอธิบายและการสรุปรวมเพื่อสร้างเข้าใจและความหมายใหม่ๆสำหรับผู้เรียน
2.ผู้เรียนได้ใช้ความรู้ระดับลึกมากกว่าความรู้พื้นฐาน (depth
of knowledge) การเรียนการสอนตามสภาพจริงจะต้องให้ผู้เรียนเข้าถึงแก่นความคิดของเนื้อหาวิชาใช้ความรู้ที่มากกว่าความรู้พื้นฐานโดยต้องมีการสำรวจความเชื่อมโยงดูความสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องซึ่งมีความซับซ้อน
3.ผู้เรียนได้มีโอกาสสนทนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเนื้อหาสาระวิชาที่เรียน (substantive
conversation การเรียนการสอนตามสภาพจริง
จะต้องให้ผู้เรียนได้มีโอกาสสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ในเนื้อหาวิชากับครูผู้สอนและกลุ่มผู้เรียนด้วยกัน
เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใจในประเด็นต่างๆมากขึ้น
4.ผู้เรียนได้รับการสนับสนุนทางสังคม (social support for student
achievement) การเรียนการสอนตามสภาพจริงจะต้องสร้างบรรยากาศที่ส่งผลดีแก่การเรียนรู้ได้แก่
การยอมรับนับถือซึ่งกันและกัน(mutual respect)ระหว่างผู้เรียนและผู้สอนหรือผู้เรียนกับผู้อื่นเกิดความรู้สึกที่ดีจะต้องสร้างคุณค่าของตนเองโดยเพิ่มความพยายามให้มากขึ้นผู้สอนต้องคาดหวังว่าผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้ความรู้และทักษะที่เป็นสิ่งจำเป็นและมีความสำคัญได้
ปฏิกิริยาของผู้สอนจึงจะแสดงออกมาในวิถีทางที่เป็นการเสริมแรงแก่ผู้เรียน
5.ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงการเรียนรู้จากการเรียนสู่โลกภายนอก (connections to the world beyond the classroom)การเรียนการสอนตามสภาพจริงจะต้องเชื่อมโยงความรู้ในเนื้อหาวิชาความรู้สู่ปัญหาสาธารณะ หรือ ประสบการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสามารถนำความรู้ที่เรียนรู้ในชั้นเรียนอธิบายปัญหาต่างๆนอกชั้นเรียนได้
5.ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงการเรียนรู้จากการเรียนสู่โลกภายนอก (connections to the world beyond the classroom)การเรียนการสอนตามสภาพจริงจะต้องเชื่อมโยงความรู้ในเนื้อหาวิชาความรู้สู่ปัญหาสาธารณะ หรือ ประสบการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสามารถนำความรู้ที่เรียนรู้ในชั้นเรียนอธิบายปัญหาต่างๆนอกชั้นเรียนได้
แนวทางการจัดการเรียนรู้
Newman
1995 ได้นำเสนอหลักการหรือข้อคำนึงในการนำแนวคิดการเรียนการสอนตามสภาพจริงไปใช้ให้มีประสิทธิภาพดังนี้
1.ครูต้องคุ้นเคยกับการยอมรับและการใช้ความรู้เดิมของผู้เรียนซึ่งการดูดซึมข้อมูลใหม่ของผู้เรียนขึ้นอยู่กับว่าข้อมูลนั้นช่วยให้อธิบายหรือขยายประสบการณ์เดิมของตนเองอย่างมีความหมายได้มากเพียงใด
2.ครูต้องตระหนักว่าผู้เรียนเป็นนักคิดที่ซับซ้อนที่พยายามสร้างความหมายของโลกครูจะต้องเน้นในการสร้างโอกาสสำหรับการคิดระดับสูง และความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากกว่าการเรียนรู้แบบธรรมดาและการได้ความรู้กว้างๆอย่างเพียงผิวเผิน
3.ครูต้องให้โอกาสที่หลากหลายสำหรับผู้เรียนในการใช้การสนทนาการเรียนและรูปแบบอื่นๆของกระบวนข้อมูลข่าวสาร
4.ครูต้องเป็นผู้อำนวยความสะดวกผู้แนะนำหรือผู้นิเทศที่กระตุ้นให้ผู้เรียนทำงานในการเรียนรู้มากกว่าการทำหน้าที่ให้ข้อมูลข่าวสารหรือข้อเท็จจริง
5.ผู้เรียนจะต้องใช้ความพยายามในการสร้างความเข้าใจและมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ครูและผู้เรียนจะต้องร่วมมือ เชื่อใจ และตั้งความหวังสำหรับความสำเร็จของตนเองในระดับสูง
กระบวนการการเรียนรู้ตามสภาพจริง
กระบวนการการเรียนรู้ตามสภาพจริงเพื่อให้เกิดการเรียนรู้และเข้าใจชีวิตของผู้อื่นหรือเรียกว่ากระบวนการศึกษาข้อมูลจากสภาพจริง หัวใจสำคัญของการเรียนรู้ตามสภาพจริงคือความเข้าใจวิถีชีวิต เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีความเข้าใจชีวิตคนอื่นซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนรู้สุขภาพ พฤติกรรมของคนเพื่อการแก้ปัญหา กิจกรรมการเรียนจึงต้องสร้างเงื่อนไขให้ผู้เรียนมีโอกาส สัมผัส เก็บข้อมูล คิดทบทวน เป็นการศึกษาสภาพ
มีพื้นฐานที่สำคัญ 3 ประการ คือ
1.กระบวนการปรับทัศนคติในการเรียนรู้ความจริง
เป็นกระบวนการสะท้อนความคิดเดิมของผู้เรียนออกมาโดยการกระตุ้นให้ผู้เรียน เรียนรู้และเข้าใจความคิดของตนเอง และสะท้อนให้เห็นถึงความคิดเดิมที่ส่งผลทำให้เกิด “ความคลาดเคลื่อน” ที่เกิดขึ้น ซึ่งกระบวนการปรับทัศนคติของผู้เรียนต้องมีการกระทำตลอดเวลาในการเรียนรู้ การที่ผู้เรียนรับรู้สภาพจริงได้มากขึ้น จะช่วยกระตุ้นความตื่นตัวอยากรู้ เห็นคุณค่าของการเรียนรู้ด้วยตนเอง นำไปสู่การเรียนรู้และสร้างความรู้ด้วยตนเองในระยะยาวต่อไป
2. กระบวนการศึกษาความจริงด้วยการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ
ประกอบด้วยการปฏิบัติการศึกษาความจริงด้วยตนเอง การเรียนในสภาพจริงต้องเรียนรู้และพัฒนาความคิดด้วยตนเอง (ทำด้วยตนเอง) ดังนั้นหากต้องการให้ผู้เรียนได้ทำความเข้าใจกับความคิด ชีวิตของชาวบ้าน เพื่อทำความเข้าใจตามสภาพจริงของชาวบ้านที่เป็นอยู่ การเรียนการสอนจึงต้องสร้างเงื่อนไขให้ผู้เรียนได้ลงไปศึกษาข้อมูลและเผชิญกับสถานการณ์จริง เพื่อให้ได้คำตอบที่สะท้อนให้เห็นถึงความคิดและความรู้สึกที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมการกระทำต่างๆของคน โดยเรียนรู้ผ่านการลองผิดลองถูก จนเกิดการประจักษ์แจ้งด้วยตนเอง
3. กระบวนการสรุปวิเคราะห์และชี้ประเด็นของครู
บทบาทของครูมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาการเรียนรู้ของตนเอง ทั้งในเรื่องการปรับทัศนคติและความเข้าใจในสาระที่เรียนรู้(สาระที่เป็นแก่น) ครูผู้สอนเองจึงต้องพัฒนาความสามารถหรือทักษะของตนเองในการสอนตามสภาพจริง
1.ครูต้องคุ้นเคยกับการยอมรับและการใช้ความรู้เดิมของผู้เรียนซึ่งการดูดซึมข้อมูลใหม่ของผู้เรียนขึ้นอยู่กับว่าข้อมูลนั้นช่วยให้อธิบายหรือขยายประสบการณ์เดิมของตนเองอย่างมีความหมายได้มากเพียงใด
2.ครูต้องตระหนักว่าผู้เรียนเป็นนักคิดที่ซับซ้อนที่พยายามสร้างความหมายของโลกครูจะต้องเน้นในการสร้างโอกาสสำหรับการคิดระดับสูง และความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากกว่าการเรียนรู้แบบธรรมดาและการได้ความรู้กว้างๆอย่างเพียงผิวเผิน
3.ครูต้องให้โอกาสที่หลากหลายสำหรับผู้เรียนในการใช้การสนทนาการเรียนและรูปแบบอื่นๆของกระบวนข้อมูลข่าวสาร
4.ครูต้องเป็นผู้อำนวยความสะดวกผู้แนะนำหรือผู้นิเทศที่กระตุ้นให้ผู้เรียนทำงานในการเรียนรู้มากกว่าการทำหน้าที่ให้ข้อมูลข่าวสารหรือข้อเท็จจริง
5.ผู้เรียนจะต้องใช้ความพยายามในการสร้างความเข้าใจและมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ครูและผู้เรียนจะต้องร่วมมือ เชื่อใจ และตั้งความหวังสำหรับความสำเร็จของตนเองในระดับสูง
กระบวนการการเรียนรู้ตามสภาพจริง
กระบวนการการเรียนรู้ตามสภาพจริงเพื่อให้เกิดการเรียนรู้และเข้าใจชีวิตของผู้อื่นหรือเรียกว่ากระบวนการศึกษาข้อมูลจากสภาพจริง หัวใจสำคัญของการเรียนรู้ตามสภาพจริงคือความเข้าใจวิถีชีวิต เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีความเข้าใจชีวิตคนอื่นซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนรู้สุขภาพ พฤติกรรมของคนเพื่อการแก้ปัญหา กิจกรรมการเรียนจึงต้องสร้างเงื่อนไขให้ผู้เรียนมีโอกาส สัมผัส เก็บข้อมูล คิดทบทวน เป็นการศึกษาสภาพ
มีพื้นฐานที่สำคัญ 3 ประการ คือ
1.กระบวนการปรับทัศนคติในการเรียนรู้ความจริง
เป็นกระบวนการสะท้อนความคิดเดิมของผู้เรียนออกมาโดยการกระตุ้นให้ผู้เรียน เรียนรู้และเข้าใจความคิดของตนเอง และสะท้อนให้เห็นถึงความคิดเดิมที่ส่งผลทำให้เกิด “ความคลาดเคลื่อน” ที่เกิดขึ้น ซึ่งกระบวนการปรับทัศนคติของผู้เรียนต้องมีการกระทำตลอดเวลาในการเรียนรู้ การที่ผู้เรียนรับรู้สภาพจริงได้มากขึ้น จะช่วยกระตุ้นความตื่นตัวอยากรู้ เห็นคุณค่าของการเรียนรู้ด้วยตนเอง นำไปสู่การเรียนรู้และสร้างความรู้ด้วยตนเองในระยะยาวต่อไป
2. กระบวนการศึกษาความจริงด้วยการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ
ประกอบด้วยการปฏิบัติการศึกษาความจริงด้วยตนเอง การเรียนในสภาพจริงต้องเรียนรู้และพัฒนาความคิดด้วยตนเอง (ทำด้วยตนเอง) ดังนั้นหากต้องการให้ผู้เรียนได้ทำความเข้าใจกับความคิด ชีวิตของชาวบ้าน เพื่อทำความเข้าใจตามสภาพจริงของชาวบ้านที่เป็นอยู่ การเรียนการสอนจึงต้องสร้างเงื่อนไขให้ผู้เรียนได้ลงไปศึกษาข้อมูลและเผชิญกับสถานการณ์จริง เพื่อให้ได้คำตอบที่สะท้อนให้เห็นถึงความคิดและความรู้สึกที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมการกระทำต่างๆของคน โดยเรียนรู้ผ่านการลองผิดลองถูก จนเกิดการประจักษ์แจ้งด้วยตนเอง
3. กระบวนการสรุปวิเคราะห์และชี้ประเด็นของครู
บทบาทของครูมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาการเรียนรู้ของตนเอง ทั้งในเรื่องการปรับทัศนคติและความเข้าใจในสาระที่เรียนรู้(สาระที่เป็นแก่น) ครูผู้สอนเองจึงต้องพัฒนาความสามารถหรือทักษะของตนเองในการสอนตามสภาพจริง
ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ตามสภาพจริง
แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปีที่
4
เรื่อง มาทำนาฬิกาจำลองกันเถอะ เวลา 1 ชั่วโมง
เรื่อง มาทำนาฬิกาจำลองกันเถอะ เวลา 1 ชั่วโมง
สาระสำคัญ
ส่วนประกอบของนาฬิกาประกอบด้วย หน้าปัด เข็มสั้น เข็มยาว ชี้แบ่งเวลา
และตัวเลข 1 ถึง 12 เข็มสั้นบอกเวลา เข็มยาวบอกชั่วโมงขั้นตอนการทำงานของนาฬิกาจำลอง
เตรียมอุปกรณ์ วางแผนออกแบบ เขียนตัวเลข ตัดเข็มนาฬิกา ตกแต่งระบายสี
และประกอบนาฬิกาจำลอง
ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนบอกส่วนประกอบของนาฬิกาได้
2. นักเรียนบอกขั้นตอนการทำงานของนาฬิกาจำลองได้
3. นักเรียนทำนาฬิกาจำลองที่มีส่วนประกอบครบถ้วนได้
4. นักเรียนทำงานกลุ่มด้วยความสามัคคี
5. นักเรียนทำงานด้วยความรับผิดชอบจนแล้วเสร็จ
สาระการเรียนรู้
1. ส่วนประกอบของนาฬิกา
2. ขั้นตอนการทำนาฬิกาจำลอง
กิจกรรมการจัดการเรียนรู้
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. ครูสนทนากับนักเรียนถึงสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเราที่บอกเวลาในชีวิตประจำวัน
เช่น ไก่ขั้น นกร้อง แสงดวงอาทิตย์ เสียงสัญญาณโรงงานน้ำตาล เสียงกลองเพล เป็นต้น
แล้วครูถามนักเรียนเกี่ยวกับเครื่องมือที่ใช้ในการบอกเวลา คืออะไร
2. นักเรียนร่วมร้องเพลงนาฬิกา
2. นักเรียนร่วมร้องเพลงนาฬิกา
3. แจ้งเรื่องที่จะเรียน จุดประสงค์การเรียนรู้ และสาระการเรียนรู้
ขั้นกิจกรรม
1. แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มๆละ 5-6 คน
ครูแจกชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เวลาในชุดกิจกรรมที่ 1 เรื่อง
ทำนาฬิกาจำลองกันเถอะ
2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมที่ 1 นาฬิกาของฉัน
โดยศึกษาความรู้จากใบความรู้ เรื่อง ส่วนประกอบของนาฬิกา
แล้วช่วยกันเขียนส่วนประกอบของนาฬิกาลงในวงกลม ที่กำหนดให้พร้อมระบายสีให้สวยงาม
3. ครูสุ่มนักเรียนอธิบายส่วนประกอบของนาฬิกา
แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานของตนเองที่ป้ายนิทรรศการของห้องเรียน
4. ครูเชิญชวนให้นักเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมที่ 2 มาทำนาฬิกาจำลองกันเถอะ โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทำนาฬิกาจำลองกลุ่มละ
1 เรือน โดยใช้อุปกรณ์ที่ครูจัดเตรียมไว้ให้
พร้อมทั้งศึกษาความรู้จากใบความรู้ เรื่อง ขั้นตอนการทำนาฬิกาจำลอง
5. นักเรียนร่วมกันวางแผนการทำงาน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในกลุ่ม และลงมือปฏิบัติกิจกรรม
ตกแต่งให้สวยงาม แล้วนำนาฬิกาจำลองเจาะจุดกึ่งกลางแล้วยึดด้วยหมุด
เพื่อทำให้เข็มนาฬิกาจำลองหมุนได้จริง
6. นักเรียนแต่ละกลุ่มตรวจสอบผลงานว่าใช้ได้จริง เพื่อประกวดกับกลุ่มอื่นๆ
7 นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน
แล้วทุกคนร่วมกันลงคะแนนเสียงเพื่อหาข้อสรุปนาฬิกาที่สมบูรณ์ และสวยงามที่สุด
ขั้นสรุป
1. นักเรียนทุกกลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้ เรื่อง ส่วนประกอบของนาฬิกา และเรื่อง
การทำนาฬิกาจำลองกันเถอะ กับเพื่อนๆต่างกลุ่ม ครูยกย่องชมเชยการทำงานของทุกกลุ่มและอธิบายเพิ่มเติมในประเด็นที่นักเรียนยังไม่เข้าใจชัดเจน
2. นักเรียนทุกกลุ่มนำนาฬิกาจำลองไปติดไว้ที่ป้ายนิทรรศการในห้องเรียน ซึ่งจะนำไปใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนครั้งต่อไป
2. นักเรียนทุกกลุ่มนำนาฬิกาจำลองไปติดไว้ที่ป้ายนิทรรศการในห้องเรียน ซึ่งจะนำไปใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนครั้งต่อไป
3. นักเรียนทุกกลุ่มช่วยกันทำความสะอาดสถานที่ปฏิบัติกิจกรรม
และเก็บอุปกรณ์เข้าที่ให้เรียบร้อย
4. นักเรียนทำแบบทดสอบ เรื่อง ทำนาฬิกาจำลองกันเถอะ แล้วตรวจสอบความถูกต้องจากบัตรเฉลยแบบทดสอบ
4. นักเรียนทำแบบทดสอบ เรื่อง ทำนาฬิกาจำลองกันเถอะ แล้วตรวจสอบความถูกต้องจากบัตรเฉลยแบบทดสอบ
สื่อการเรียนรู้
1. นาฬิกาจริง
2. ใบกิจกรรมที่ 1 นาฬิกาของฉัน
3. ใบความรู้ที่ 1 เรื่อง ส่วนประกอบของนาฬิกา
4. บัตรเฉลยกิจกรรมที่ 1 นาฬิกาของฉัน
5. ใบกิจกรรมที่ 2 ทำนาฬิกาจำลองกันเถอะ
6. อุปกรณ์การทำนาฬิกาจำลอง
7. ใบความรู้ที่ 2 เรื่อง ขั้นตอนการทำนาฬิกาจำลอง
8. แบบทดสอบ
9. บัตรเฉลยแบบทดสอบ
การวัดและประเมินผล
วิธีการ
|
เครื่องมือ
|
เกณฑ์
|
1. ตรวจผลงาน
|
1. แบบประเมินผลงาน
(กิจกรรมที่ 1
, 2)
|
1. นักเรียนปฏิบัติได้ถูกต้องมากกว่าร้อยละ 80
|
2. ทดสอบ
|
2.
แบบทดสอบ
|
2. นักเรียนทำแบบทดสอบได้ถูกต้องมากกว่าร้อยละ 80
|
3. สังเกต
|
3.
แบบสังเกตการทำงานกลุ่ม
|
3. นักเรียนปฏิบัติงานกลุ่มตามกระบวนการได้ถูกต้องมากกว่าร้อยละ 80
|
ข้อค้นพบจากการวิจัย
จากการจัดการเรียนรู้โดยใช้แนวคิดการเรียนการสอนตามสภาพจริงมีข้อค้นพบจากการวิจัยของ
วิทวัฒน์ ขัตตินะมาน (2546)
ที่ได้วิจัยการนำเสนอปฏิบัติการทางเลือกของการเรียนการสอนตามสภาพจริง
แนววิชาหลักสูตรและการสอนทั่วไปสำหรับนิสิตคณะศึกษาศาสตร์ ผลการวิจัยพบว่า (1)
นิสิตศึกษาศาสตร์กลุ่มทอลองทั้งสามกลุ่ม มีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องหลักสูตรและการสอน
คะแนนเฉลี่ยคามสามารถด้านการวางแผนการสอนและคะแนนเฉลี่ยลักษณะการเรียนรู้ด้วยการนำตนเองหลักการทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05 (2) นิสิตศึกษาศาสตร์มีความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวปฏิบัติของการเรียนการสอนตามสภาพจริงในระดับมากในทุกข้อ
(3) บรรยากาศของการเรียนการสอนตามสภาพจริงทั้งสามกลุ่ม
มีความเป็นสภาพจริงตั้งแต่ระดับปานกลางถึงมากที่สุด และ (4) การศึกษาวิธีปฏิบัติของผู้สอน
ความสำเร็จ และอุปสรรคของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
พบว่านิสิตมีความกระตือรือร้นและให้ความสนใจกับกิจกรรมการเรียนการสอนที่ใช้ประสบการณ์การเรียนรู้ตามสภาพจริงมากที่สุด
รองลงมาคือประสบการณ์การเรียนรู้สมมติและสุดท้ายคือประสบการณ์การเรียนรู้วิชาการ
โดยสรุป
การจัดการเรียนการสอนตามสภาพจริง
ผู้สอนควรเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ภายใต้ประสบการณ์ที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงมากที่สุด
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถประยุกต์ข้อมูลความรู้ประสบการณ์ที่ได้ไปใช้ในสถานการณ์จริง
หรือโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยให้ผู้เรียนได้มีโอกาสสร้างความรู้ด้วยตนเองใช้กระบวนการสืบสอบทางวิชาการและผู้เรียนได้มีโอกาสเชื่อมโยงกิจกรรมการเรียนการสอนไปสู่ชีวิตจริงของเขา
ที่มา
ชัยวัฒน์
สุทธิรัตน์. (2554). การจัดการเรียนรู้ตามสภาพจริง. นนทบุรี :
สหมิตรพริ้นติ้งแอนด์พับลิสซิ่ง.
ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์. (2552). 80 นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ. กรุงเทพฯ : แดเน็กซ์ อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น.
ภาวินี เสาะสืบ. http://www.bcnsurin.ac.th/.../1315292551_. [ออนไลน์] เข้าถึงเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561.
ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์. (2552). 80 นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ. กรุงเทพฯ : แดเน็กซ์ อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น.
ภาวินี เสาะสืบ. http://www.bcnsurin.ac.th/.../1315292551_. [ออนไลน์] เข้าถึงเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561.
No comments:
Post a Comment